ปะทะเดือดปัตตานี วิสามัญโจรใต้ 1 ศพ เหิมยิงสู้ ตามล่าอีก 1 หนีเข้าป่า

เจ้าหน้าที่ยิงปะทะดุเดือดโจรใต้ ในพื้นที่อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี ยิงร่างพรุน 1 ศพ เป็นแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบ ระดับปฏิบัติการ หนีไปได้ 1 คน อยู่ระหว่างปิดล้อมล่าตัว ค้นประวัติผู้ตาย พบก่อเหตุโชกโชน มี 5 หมายจับคดีความมั่นคง

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 19 มีนาคม 2564 ร.ต.อ.อาทิป ณรงค์ฤทธิ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงปะทะขณะเจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจบริเวณ ม.5 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง ทำให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย หลังได้รับแจ้งจึงรีบสนธิกำลังไปที่เกิดเหตุ พร้อมรายงานให้ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ. 9 พล.ต.ต.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี รอง ผบช.ภ. 9 พล.ต.คมกฤช รัตนฉายา ผบ.ฉก.ปัตตานี พล.ต.ต.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี พ.ต.อ.จิรวัฒน์ ดูดิง ผกก.สภ.ทุ่งยางแดง

เมื่อไปถึงพบว่าที่เกิดเหตุเป็นจุดตรวจชั่วคราว และพบเจ้าหน้าที่ทหารพราน 4416 จำนวน 7 นาย กำลังเข้าควบคุมพื้นที่เกิดเหตุหลังจากการปะทะ เจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางดังกล่าวเป็นการชั่วคราวเพื่อตรวจสอบและรวบรวมวัตถุพยาน และจากการตรวจสอบพบคนร้ายถูกวิสามัญเสียชีวิต 1 รายอยู่บริเวณป่า ห่างจากถนนประมาณ 100 เมตร ทราบชื่อ นายสมันดี สะนิ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/4 ม.4 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ถูกกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่จากการปะทะเข้าบริเวณลำตัวหลายนัด นอกจากนี้ยังพบอาวุธ ขนาด 9 มม. ตกอยู่บริเวณมือข้างขวาและเป้สนาม 1 ใบ ภายในบรรจุเสื้อผ้า เปลนอนและอุปกรณ์สนาม นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนของคนร้าย กว่า 10 ปลอก เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่า ขณะที่ ส.ท.มนตรี แก้วทิ หัวหน้าชุด นำกำลังร่วม 7 นายได้เดินลาดตระเวนเส้นทางเพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่รับผิดชอบ ปรากฏว่าได้รับแจ้งจากหน่วยความมั่นคงว่า พื้นที่ จ.ยะลา มีการปล้นรถกระบะและอาจจะหลบหนีตามเส้นทางดังกล่าวเนื่องจากเป็นพื้นที่รอยต่อกับ จ.ยะลา เจ้าหน้าที่จึงได้มีการตั้งจุดตรวจชั่วคราวเพื่อสกัดรถต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้ง โดยเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังตามจุด ปรากฏว่าได้มีคนร้ายขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ตอนครึ่ง สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน ขับมาและเห็นจุดตรวจ คนร้ายจึงพยายามที่จะเลี้ยวรถกลับ อส.ทพ.โชค กราบูณย์ ซึ่งอยู่บริเวณดังกล่าวได้เรียกให้หยุด ปรากฏว่าคนร้ายที่อยู่ท้ายกระบะ 1 คน และคนร้ายที่นั่งใกล้คนขับ ทั้งสองได้ลงจากรถก่อนชักอาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่ อส.ทพ.โชค และพยายามวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า อส.ทพ.โชค จึงใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้คนร้าย ระหว่างนั้น อส.ทพ.ยงยุทธ แก้วมณี ซึ่งอยู่ใกล้ก็ได้วิ่งมาช่วย ก่อนจะมีการยิงปะทะกันขึ้นเสียงดังสนั่น เป็นเหตุให้ นายสมันดี สะนิ ถูกวิสามัญเสียชีวิต ส่วนคนร้ายอีกรายคาดว่าน่าจะเป็น นายมาหามะ สะอิ ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังไล่ล่าและเข้าปิดล้อมพื้นที่ในรัศมี 500 เมตร

สำหรับ นายสมันดี สะนิ จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเป็นแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบ ระดับปฏิบัติการ และมีหมายจับคดีความมั่นคง จำนวน 5 หมาย ประกอบด้วย ก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ อ.ทุ่งยางแดง เมื่อปี 51 ก่อเหตุร่วมปล้นเงินธนาคารกสิกร อ.มายอ เมื่อปี 56 ก่อเหตุยิงชาวบ้านหาของป่า อ.ทุ่งยางแดง ปี 57 ก่อเหตุลอบยิงชาวบ้านเสียชีวิต เมื่อปี 60 และเหตุปะทะ ที่ ต.มะยังหยง อ.ทุ่งยางแดง ปี 62

ด้าน พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 เปิดเผยหลังตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้าย 7-8 คน ใช้รถกระบะเป็นพาหนะ ก่อเหตุปล้นรถกระบะของชาวบ้านในพื้นที่ อ.เมืองยะลา จึงแจ้งให้ทุกพื้นที่สกัดจับ ส่วนในพื้นที่ จ.ปัตตานี บริเวณจุดเกิดเหตุก็ได้มีการตั้งจุดสกัด ปรากฏว่ามีคนร้าย 3 คนใช้รถกระบะเป็นพาหนะขับมาตามเส้นทางดังกล่าว เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่จึงพยายามที่จะเลี้ยวรถกลับ แต่ถูกเจ้าหน้าที่เรียกให้จอดเพื่อตรวจ ปรากฏว่ามีคนร้าย 2 คนลงจากรถแล้วใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ก่อนจะวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าหลังบ้านของประชาชน เจ้าหน้าที่จึงใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้จนเกิดการปะทะกันขึ้นเป็นเหตุให้คนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งญาติได้มาดูศพก็ยืนยันว่าเป็นศพ นายสมันดี สะนิ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ ส่วนเหตุปล้นรถจาก จ.ยะลา นั้น จากการสอบปากคำผู้เสียหายเข้าใจว่าน่าจะเป็นเหตุทวงหนี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการวิสามัญคนร้ายทุกครั้ง คนร้ายก็มีความพยายามที่จะตอบโต้ ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มดูแลความปลอดภัยทุกพื้นที่และให้แจ้งกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอให้มีการป้องกันตนเอง ส่วนเหตุเผายางรถยนต์ก่อนจะเกิดระเบิดขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหลายนายนั้น เบื้องต้นทราบว่าเป็นกลุ่มเดียวกันที่ก่อเหตุปล้นรถกระบะก่อนจะซุกระเบิดหวังคาร์บอมบ์ในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา แต่โชคดีที่กู้ไว้ได้ทัน เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อเวลา 20.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.นราวี บินแวอารง ผกก.สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ภ.จว.ยะลา ว่า เกิดเหตุ ปล้นทรัพย์ บริเวณบ้านเลขที่ 108 หมู่ 9 บ้านบาลูกาบารู ต.บุดี ทรัพย์ที่ได้ไป เป็นรถยนต์กระบะ โตโยต้าแค็บสีบรอนซ์ ทะเบียน บฉ 3793 ยะลา

ต่อมาพร้อมนายวันสุกรี แวมามะ ป้องกันจังหวัดยะลา นายธราวุธ ช่วยเกิด นอภ.เมืองยะลา สนธิกำลัง 3 ฝ่ายไปตรวจสอบ พบนายเซ็ง มะดอเลาะ อายุ 45 ปี เจ้าของบ้านยืนหน้าตาตื่นพร้อมให้ปากคำว่า ก่อนหน้านั้นขณะกำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านหลังรับประทานอาหารเย็น จู่ๆ มีคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ จำนวน 7-8 คน สวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า บุกเข้ามาใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้เอากุญแจรถกระบะ โตโยต้าแค็บสีบรอนซ์ ทะเบียน บฉ 3793 ยะลา หลังจากนั้นพวกคนร้ายได้ขับรถกระบะคันดังกล่าวไป โดยพวกคนร้ายมากับรถยนต์ Ford Ecosport ไม่ทราบสีที่แน่ชัด พากันขับหลบหนีออกไป รถกระบะคันที่ถูกปล้น เป็นของนายมะสือรี สามะ อยู่บ้านเลขที่ 5/3 หมู่ 6 ต.คลองใหม่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี อยู่ระหว่างต้องโทษคดียาเสพติด แต่มีญาตินำมาฝากไว้ให้ใช้

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งด่านตรวจในพื้นที่พบว่า พวกคนร้ายได้ขับรถกระบะคันที่ปล้นออกไปบนทางหลวงสาย 410 (ยะลา-เบตง) ผ่าน ทาง อ.กรงปินัง

ภายหลังได้รับรายงาน ทาง พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 ได้สั่งการให้ทางศูนย์ ศปก.ตร. แจ้งเตือนไปยังเครือข่ายให้เฝ้าระวังตรวจสอบรถคันดังกล่าว เพราะเกรงว่า คนร้ายจะนำไปประกอบเป็นคาร์บอมบ์เช่นเดียวกับที่เคยเกิดเหตุปล้นรถส่งพัสดุด่วนที่บ้านปารามีแต หมู่ 7 ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยคนร้ายนำรถไปซุกระเบิดแสวงเครื่องที่อัดถังแก๊สปิกนิก 2 ใบ น้ำหนักกว่า 50 กก.ขับนำไปจอดไว้หลังแฟลตที่พักตำรวจ สภ.รามัน แต่ไปเก็บกู้ได้เสียก่อน

ล่าสุดเมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 20 มี.ค. มีรายงานว่า ร.อ.วิถีชัย อ่อนสนิท ผบ.ร้อย ทพ.4113 กรมทหารพรานที่ 41 ค่ายวังพญา อ.รามัน ได้ตรวจพบรถยนต์กระบะคันที่ถูกปล้นและรถยนต์ฟอร์ดของคนร้ายด้วยทั้ง 2 คัน โดยคนร้ายได้นำมาจอดทิ้งไว้บริเวณสวนปาล์ม บ้านปะกาสาแม หมู่ 1 ต.วังพญา อ.เขตติดต่อหมู่ 13 ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา ได้เข้าตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ส่วนสาเหตุคาดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับหนี้สินและยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนสืบหาตัวคนร้ายกลุ่มนี้มาดำเนินคดีต่อไป.

แหล่งข้อมูล : thairath.co.th.

กลับสู่เมนูหลัก : คลิก