หลากหลายคดีสะเทือนขวัญ
เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเข้าหน้าเทศกาลครั้งใด เสียงคำรามปืนกึกก้องก็จะดังตามมาด้วยทุกครั้ง เรียกว่านั่งสังสรรค์เฮฮากับครอบครัว เดินอยู่ข้างถนน หรือแม้แต่นอนหลับอยู่บนเตียง วันดีคืนดีความตายก็อาจมาเยือนโดยไม่รู้ตัว ปัดฝุ่นแฟ้มคดีเก่าๆ
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.52 ด.ช.ยศศิริ ธรรมกถึก อายุ 13 ปี ชาวจ.เพชรบุรี ถูกกระสุนปริศนาตกใส่ลงกลางศีรษะ ขณะกำลังเรียนว่ายน้ำอยู่ในสระจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ภายหลังทราบว่ามีการยิงปืนขึ้นฟ้านับร้อยนัดในงานบวชที่วัดใกล้เคียง พบทั้งปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. 11มม. ปืนลูกซอง และเอ็ม 16 ตกกระจายเกลื่อนกลาด 4 พ.ย.52 ด.ญ.ผกาพรรณ โตทรัพย์ หรือน้องมายด์ อายุ 11 ขวบ เสียชีวิตจากกระสุนตกใส่ ขณะยืนดูโคมลอยในงานเทศกาลลอยกระทงบนระเบียงคอนโดมิเนียมย่านสายไหม กทม.
เที่ยงคืนเศษของวันที่ 1 ม.ค.54 ขณะที่ด.ญ.นิอิฟตีนา กือจิ อายุ 6 ขวบ ชาวจ.ยะลา กำลังนอนหลับอยู่ในบ้าน จู่ๆก็มีกระสุนปืนทะลุหลังคาตกใส่ศีรษะจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตำรวจสันนิษฐานว่ามาจากการยิงปืนฟ้าฉลองวันขึ้นปีใหม่ 21 ม.ค.55 ชัยณรงค์ จันทอุไร หนุ่มพัทลุงวัย 36 ปี นอนเสียชีวิตจมกองเลือดภายในบ้าน พบบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ไหปลาร้าด้านซ้าย 1 นัด ตร.ตรวจสอบพบว่าเป็นฝีมือวัยรุ่นข้างบ้านที่ชอบยิงปืนขึ้นฟ้าเวลามีงานเลี้ยง
23 มิ.ย.56 ที่อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นภาพร แสงภักดี อายุ 37 ปี โทรแจ้ง191ว่ามีกระสุนปืนตกใส่หลังคาเป็นรูใหญ่ ขณะกำลังล้างจานอยู่ในครัว กระสุนเฉียดหัวไปนิดเดียว ตร.จับวัยรุ่นได้หนึ่งคน สารภาพว่ายิงปืนฉลองงานบวชเพื่อนด้วยความคึกคะนอง 2 ม.ค.56 น.ส.ลลิตา โตมี อายุ 24 นอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านอ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ตอนนั้นเองที่กระสุนปริศนาทะลุหน้าต่างกระเด็นถูกผนังจนถูกสะเก็ดเข้าที่ใบหน้าได้รับความเจ็บ ตรวจสอบพบว่าเป็นฝีมือเพื่อนบ้านที่ห่างกันเพียง 200 เมตร โดยผู้ก่อเหตุให้การว่ายิงด้วยความคึกคะนอง เพื่อเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่
13 เม.ย.56 ธีระศักดิ์ สันติวงค์งาม อายุ 36 ปี หนุ่มลำปาง นอนอ่านหนังสือบนโซฟา จู่ๆก็ได้ยินเสียงวัตถุตกห่างศีรษะประมาณ 1 ฟุต ตรวจดูพบว่าเป็นหัวกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตร.สันนิษฐานอาจมีคนยิงปืนขึ้นฟ้า ในช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ หรือยิงต้อนรับปี๋ใหม่เมือง เมื่อใกล้รุ่ง
22 มี.ค.57 น.ส.หทัยรัตน์ จันทร์โท อายุ 32 ปี ชาวอ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ปากทะลุใต้คาง อาการสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา พยานเผยว่าช่วงที่เกิดเหตุ บ้านฝั่งตรงข้ามกำลังจัดพิธีขวัญนาค ระหว่างนั้นเกิดยิงปืนขึ้นหลายนัด กระสุนหนึ่งในนั้นพลาดไปถูกเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ขณะกำลังนั่งอุ้มหลาน นอกจากนี้ยังมีคดีอื่นๆที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกเทศกาลวันรื่นเริงอีกมากมายหลายร้อยคดีในรอบสิบปีที่ผ่านมา !
การยิงปืนกับประวัติศาสตร์และประเพณีไทย
ในสมัยรัชกาลที่ 4 จะมีการยิงปืนในเวลาพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าตรู่ เพื่อเป็นสัญญาณให้เปิดประตูวัง นอกจากนี้ยังใช้เป็นสัญญาณแจ้งเหตุไฟไหม้ในเขตพระราชฐานด้วย โดยต้องยิงหลายนัดติดต่อกันจนกว่าไฟจะมอดดับ หากไหม้ในเขตพระนคร ให้ยิง 3 นัด นอกพระนครให้ยิงเพียงนัดเดียว
ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 5 เริ่มมีการยิงปืนเพื่อใช้สำหรับบอกเวลาเที่ยงวัน ทว่าเสียงจากปืนใหญ่ที่ประจำป้อมที่ทั้งมุมของพระบรมมหาราชวังจะได้ยินเฉพาะในเขตพระนครเท่านั้น คนที่ตั้งบ้านเรือนไกลออกไปมักไม่ได้ยิน จึงเกิดกลายเป็นสำนวนว่า “ไกลปืนเที่ยง” หมายถึงคนที่อยู่ห่างไกลความเจริญ บ้านนอกคอกนา
นอกจากนี้ยังมีการยิง”สลุต”เพื่อแสดงความเคารพ หรือถวายคำนับ ในงานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก งานพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดิน พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระราชพิธีฉัตรมงคล จนถึงพิธีต้อนรับประมุขจากต่างแดน
การยิงปืนขึ้นฟ้าในทางประเพณีที่น่าสนใจก็คือ การยิงปืนอัฏตนา หรืออาฏานา ชาวบ้านเรียกว่าพิธียิงปืนไล่ผี เป็นการยิงปืนในระหว่างที่พระสงฆ์กำลังสวดอาฏานาฏิยสูตร เนื่องในพระราชพิธีตรุษสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นวันสิ้นปี ตรงกับแรม 14 ค่ำ เดือน 4 ถึงขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ตามจันทรคติ พูดง่ายๆคือยิงปืนขู่ผี ขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้หวาดผวาและตกใจกลัวนั่นเอง
สาเหตุที่ไม่ควร “ยิงปืนขึ้นฟ้า” นั่นเป็นเพราะว่าหลัก
ฟิสิกส์กำหนดทิศทางการยิงไว้ว่า ถ้ายิงตรงขึ้นฟ้าทำมุม 90 องศา กระสุนจะตกลง ณ จุดเดิมที่ยิงหรือใกล้เคียงกัน ดังนั้น ถ้าคนยิงกระสุนในมุม 90 องศาแล้วยืน ณ จุดเดิม กระสุนจะตกลงเจาะทะลุศีรษะและร่างกายอย่างแน่นอน หากไม่ต้องการรับกระสุนนัดนั้นก็ต้องยิงทำมุม 45 องศา มันจะเพิ่มความแรงให้กระสุนแล้วยังเพิ่มระยะยิงให้ไกลขึ้นด้วย กระสุนนัดนั้นจะตกห่างจากจุดที่เรายืนอยู่ไกลมาก ทั้งนี้ไม่พ้นความสามารถในการพิสูจน์หาต้นทางการยิงด้วยหลักคำนวณได้ หากจะตั้งใจหาสถานที่แรกเริ่มของกระสุนย่อมทำได้ด้วยการรู้ชนิดและประสิทธิภาพของกระสุน ชนิดของปืน บาดแผลของผู้เสียหาย สภาพแวดล้อม นำข้อมูลเหล่านี้ไปคำนวณด้วยหลักฟิสิกส์จะมองเห็นพื้นที่ของการยิง เมื่อลากเส้นในแผนที่จะมองเห็นขอบเขตที่แคบลงในการหาเจ้าของปืน ตำรวจสามารถจับคนยิงกระสุนปริศนาได้ทันที วิธีการเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในการพิสูจน์หากระสุนปริศนาที่ยิงจากที่อื่นไปโดนคนตายในจุดห่างไกลออกไปสำหรับคดีของต่างประเทศมาแล้ว แต่ไทยไม่ได้นำหลักวิชานี้มาใช้เลย ทำให้คนยิงปืนขึ้นฟ้าลอยนวลไปและสร้างความเข้าใจผิดว่า ยิงปืนขึ้นฟ้าไม่สร้างความเสียหายแก่ใครมาถึงทุกวันนี้
แหล่งข้อมูล : https://www.gunsth.com/?p=258
กลับสู่เมนูหลัก : คลิก
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ข่าว
ด่วน!! บุกจับ “หลงจู๊สมชาย” อีกรอบ บงการฆ่า “ลูกชาย” เจอหมายจับด้วย
ข่าว
หนุ่มแบงก์หึงโหด ยิงแฟนสาว-ฆ่าตัวตายดับสลด 2 ศพ เหตุแค่นั่งกินข้าวต้มกับชายรุ่นพ่อ
บทความ
ยิงปืนขึ้นฟ้า ความเชื่อที่แลกด้วยเลือด
บทความ
สะสม “ปืนโบราณ” มีความผิด…